เมื่อธนาคารหรือผู้ว่าจ้าง  ได้มีคำสั่งอนุมัติให้ฟ้องคดีแล้ว  ทางส่วนงานจะสามารถส่งเอกสารให้ฝ่ายคดีฟ้องภายในระยะเวลาที่กำหนด  มีขั้นตอนการดำเนินการดังต่อไปนี้

5.1กำหนดระยะเวลาการยื่นฟ้องคดี

  รับเอกสารจากธนาคารมาตรวจสอบ พร้อมส่งคัด ตรวจสอบที่อยู่ตามแบบรายการรับรองทะเบียนราษฎร์  และออกจดหมายทวงถามทางไปรษณีย์ตอบรับในประเทศกรณีที่เป็น Non-card และแบ่งเขตอำนาจศาล  Admin  Support  legal  บันทึกข้อมูลเข้าโปรแกรมคดี กรณีที่เอกสารถูกต้องครบถ้วนแล้วจะส่งเรื่องให้ทนายนำไปดำเนินการฟ้องร้องภายในกำหนดเวลา (ตามที่ธนาคารหรือผู้ว่าจ้าง กำหนดทั่วไปภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับเอกสารครบ) เมื่อทนายดำเนินการฟ้องเสร็จสิ้นแล้วจะรายงานฝ่ายคดีจะรายงานผลการฟ้องใหม่พร้อมวันนัดสืบโจทก์ และ/หรือ วันนัดชี้สองสถานและ/หรือ วันนัดไกล่เกลี่ยให้ธนาคารทราบ   นับแต่วันยื่นฟ้อง

5.2 การรายงานการสืบพยานโจทก์

  ตามที่กำหนดระยะเวลาตามที่ธนาคารกำหนด  (ปกติเดือนละครั้ง) ซึ่งหากมีการเลื่อนคดีจะแจ้งวันที่เลื่อนสืบพยานโจทก์  และสาเหตุของการเลื่อนคดีให้ธนาคารหรือผู้ว่าจ้างทราบ

5.3 การประนีประนอมยอมความ

กรณีจำเลยมีความประสงค์จะขอทำสัญญาการประนีประนอมยอมความก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ หรือ ในวันสืบพยานโจทก์ให้ฝ่ายคดีแจ้งมายังธนาคารเพื่อขออนุมัติพร้อมเงื่อนไขการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ  ให้ทนายดำเนินการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ  พร้อมขอคืนค่าธรรมเนียมศาลในกรณีพิเศษ  และรายงานผลคดีพร้อมพร้อมส่งสัญญายอม  ให้ทางธนาคารทราบ  กรณีที่ศาลคืนค่าธรรมเนียมศาลทนายจะรับคืนให้ฝ่ายคดีเพื่อนำส่งคืนแก่ธนาคารหรือผู้ว่าจ้าง

5.4 การถอนฟ้อง

  กรณีที่ธนาคารหรือทนายความติดต่อเจรจากับจำเลยได้ละจำเลยประสงค์จะปิดบัญชีก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์  หรือก่อนศาลมีคำพิพากษา  จะแจ้งให้ฝ่ายคดีทราบเพื่อขออนุมัติถอนฟ้องต่อธนาคารหรือผู้ว่าจ้างและให้ทนายดำเนินการถอนฟ้อง  พร้อมขอคืนค่าธรรมเนียมศาลกรณีและรายงานผลคดีพร้อมส่งคำบอกกล่าว  หรือคำร้องขอถอนฟ้อง  ให้ทางธนาคารหรือผู้ว่าจ้างทราบ    กรณีที่ศาลมีคำสั่งคืนค่าขึ้นศาลทนายจะรับคืนให้ฝ่ายคดีเพื่อนำส่งแก่ธนาคารหรือผู้ว่าจ้าง

5.5 คดีที่ศาลพิพากษา

เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาแล้วทนายจะต้องขอคัดคำพิพากษาโดยทันที  เมื่อได้คำพิพากษาแล้วฝ่ายคดีจะต้องนำส่งให้ธนาคารภายใน 7 วัน     นับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษาครบแล้ว 30 วัน หากยังไม่ทราบผลคำพิพากษาทนายจะขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์  (โดยจะพิจารณาตามระเบียบพิธีการของศาลแต่ละศาล)และฝ่ายคดีจะขออนุมัติอุทธรณ์เป็นรายๆ จากธนาคารหรือผู้ว่าจ้าง     กรณีที่ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์หรือยกคำร้อง  ทนายจะต้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์(โดยพิจารณาจากคำพิพากษาเป็นรายคดี) และฝ่ายคดีจะรายงานผล  คดีพร้อมขออนุมัติอุทธรณ์เป็นรายๆต่อธนาคารหรือผู้ว่าจ้าง     เมื่อได้รับคำพิพากษาแล้วทนายจะขอออกคำบังคับภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดอุทธรณ์ หรือนับแต่วันได้รับคำพิพากษา

5.6 การขอออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี

กรณีที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ   เมื่อทางธนาคารหรือผู้ว่าจ้างแจ้ง   ให้ทนายดำเนินการออกหมายบังคับคดี  นับแต่ที่ผิดนัดครั้งแรก  พร้อมส่งหมายบังคับคดีต่อทางธนาคาร

  5.7 การอุทธรณ์/ฎีกา

  กรณีที่มีการอุทธรณ์หรือฎีกา  ฝ่ายคดีจะรายงานผลและขออนุมัติจากทางธนาคาร  หลังจากที่ธนาคารอนุมัติ  ฝ่ายคดีจะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาภายใน 7 วัน ทั้งนี้ต้องไม่เกินระยะเวลานั้นๆ  และฝ่ายคดีจะนำส่งสำเนาคำอุทธรณ์/ฎีกาให้ธนาคาร    กรณีที่คู่ความฝ่ายอื่นยื่นอุทธรณ์/ฎีกา ฝ่ายคดีจะรายงานผลพร้อมส่งสำเนา อุทธรณ์/ฎีกาให้ธนาคารก่อนครบกำหนดแก้อุทธรณ์/ฎีกา ไม่น้อยกว่า 15 วันทำการ   หลังจากที่ธนาคารหรือผู้ว่าจ้างมีคำสั่งให้ดำเนินการ  ฝ่ายคดีจะดำเนินการให้แก้อุทธรณ์/ฎีกา และรายงานผลพร้อม รอผลการอุทธรณ์ และ/หรือฎีกา

เมื่อศาลอุทธรณ์ และ/หรือฎีกา มีคำพิพากษา ฝ่ายส่วนงานคดีจะดำเนินการส่งสำเนาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์และ/หรือศาลฎีกาให้ธนาคารภายใน 7 วันนับแต่วันมีคำพิพากษา

หากผลของคำพิพากษาไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของธนาคารหรือผู้ว่าจ้าง  และฝ่ายคดีและส่วนงานคดีไม่สามารถนำส่งคำพิพากษาให้ทางธนาคารหรือผู้ว่าจ้าง ฝ่ายงานส่วนคดีจะขอระยะเวลาอุทธรณ์